Saturday, March 22, 2014

ขี่รถไปนอนเล่นที่ผาเดียวดายกัน

ทริปนี้  ได้ไปขี่ในวันธรรมดาอีกแล้ว  หลังจากปั่นงานเสร็จจนเช้ามืด  วันถัดมา เกิดอารมณ์มันอยากขี่   จึงตัดสินใจ ขี่รถคู่ใจไปเขาใหญ่  ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นเขาใหญ่  รู้แต่ว่า อยากไปที่ไหนสักแห่ง แค่นั้น    ทั้ง ๆ อยากไปที่ที่หนึ่งมากกว่า   แต่มีงานใหม่เข้ามารออยู่ จึงไปได้แค่เขาใหญ่  ที่มันสบาย ๆ หน่อย   หิวโค้งนิดหน่อยด้วย   ขอเล่นโค้งเบา ๆ  หน่อยน่า    เพราะเพิ่งอิ่ม   จากทริปเหนือครั้งล่าสุดล่ะ  

มาเขาใหญ่มาเป็นครั้งที่ 4 ได้แล้วมั้ง     แต่ไม่เคยซ้ำกัน  ในหลาย ๆ เรื่อง

ออกมาสายมาก ออกจากกรุงเทพ สิบโมงเช้า ไปถึงเขาใหญ่ก็เที่ยงครึ่ง  (มีแวะทานข้าว กลางทาง สองครั้ง)   ครั้งนี้ไม่ได้เอา GPS ติดมาด้วย เพราะอยากไปแบบสบาย ๆ บ้าง ไม่ติดอะไรมาก  กลับมืดก็ได้  

เข้าประตูอช. เขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรี  ไม่เคยมาก่อนนะ   ก็เข้าง่ายดีนะ    อากาศกำลังเย็นสบายมาก สดชื่น 

ถ่ายรูปแชะ  ๆ    อ้อ   เอากล้อง DSLR Canon 1000D ของเพื่อนมาด้วย แต่ใส่เลนส์ fix 50mm  F1.8  พูดให้ถูก  ใช้เลนส์ตัวนี้ไม่ค่อยตรงกับจุดประสงค์ใช้งานเลยนะ มันเหมาะกับถ่าย "คน" มากกว่า   คือเรื่องของเรื่อง เลนส์ kit  มันพังหมดแล้ว  55555+   ก็เลยใช้ตัวนี้มา  โดยใส่กระเป๋าคาดเอวไป    แต่มีสลับถ่ายกับ กล้องมือถือบ้างนะ  เดี๋ยวปิ่นจะเขียนระบุใต้ภาพว่า  ภาพใดถ่ายจากมือถือ?   ที่เหลือ ก็ DSLR หมด 

บอกตามตรงว่า หนักชะมัด    เคยแวะไปดูกล้องตัวท๊อป มันหนักกว่าตัวนี้เยอะเลย   แค่คิดอยากจะซื้อตัวใหม่   ก็เครียดล่ะ  แพงด้วย  หนักเอวตัวเองมาก  พูดเล่นน่ะ  จริง ๆ กะว่าจะซื้อกระเป๋าติดถังน้ำมัน ใส่แทนแหละน่า   

ไม่ได้ถ่ายด้วยกล้อง DSLR  กับมอเตอร์ไซค์มานานมาก  2 ปีได้   จำความรู้สึกไม่ได้ล่ะ       ใช่ซิ    มันคือ  "ต้องถอดหมวกกันน็อคทุกครั้งก่อนถ่ายรูป   เข้าออก ที เจ็บหูตัวเองมาก  ต้องถอดถุงมือด้วย    แต่ทำไงได้ล่ะ คนมันชอบถ่ายนี่เนอะ   


















ขี่ไปเรื่อย เก็บภาพไปเรื่อย   จุดปลายทางของเราคือ  "ผาเดียวดาย"   ตั้งใจว่า จะมาเก็บซะหน่อย เพราะไม่เคยไปมาก่อน  เคยเห็นมาหลายทีล่ะ ว่า ไอ้ "ผาเดียวดาย" เนี่ย มันยังไง ไหงมาตั้งชื่อได้น่ากลัวมาก   

เลี้ยวขวา   เข้าไปยัง ผาเดียวดายที่อยู่ไกลออกไป ระยะ 11 กิโลเมตร ฟังดูไกลนะ   ไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่า ช่วง 7 กิโลเมตรสุดท้าย เป็นทางขึ้นเขาล้วน ๆ  ก็ขี่ขึ้นไปอย่างสบายใจ 

ไหนล่ะ ?  ผาเดียวดาย   อ้าว ทำไมเจอที่จอดรถล่ะ  อ้อ. ต้องเดินลงไปนั่นเอง  

เดินไป ทานขนมช็อคโกแลตไปด้วย  งั่ม ๆ 






มาเจอภาพตรงหน้า  ความรู้สึกตอนเห็นหน้าผาเดียวดาย มันวูบดับทันที  อย่างบอกไม่ถูก  ดีที่มาวันธรรมดา แต่ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่ 6 คน  ก็นั่งรอจนกว่า พวกเขากลับไป  ค่อยไปนั่งนอนคิดคนเดียว บนริมผาเดียวดาย  มองวิวไปพลาง  โคตรระสบายใจสุด ๆ  และได้เหวี่ยงเรื่องบางเรื่อง   โยนออกไป     ภาพในหัวที่แฟลชไปแฟลชมา  เอาออกมาให้หมด   มองไปที่ขอบฟ้าที่อยู่ขวามือ ไกลสุดกู่   ดูไม่ออกเลยล่ะ ว่า มันไกลกี่กิโลเมตรกันแน่ะ ?  กว่าจะไปถึงขอบท้องฟ้านั่น?   

ตอนมองออกไป  ได้จินตนาการถึงโลกใบสีฟ้า ใบกลม  ๆ  ในมโนภาพ   เออเนอะ    

ขอตัวนิดหนึ่งนะ  ปิ่นไม่ใช่นักปรัชญาจ๋า  ไม่ใช่นักคิดอะไร  เพียงแต่เป็นคนชอบคิด "เยอะ"    ชอบคิดอะไรไม่มีที่สิ้นสุด  ไปเรื่อยๆ   แต่ด้วยอายุยังไม่มาก  ยังผ่านโลกมาน้อยมาก  มีอะไรต้องเจออีกเยอะ   No pain, No gain.  ยังอยากออกไปสู่โลกกว้างอีกเยอะๆ   แต่ไม่มีตังค์น่ะซิ  ดังนั้นต้องทำงานหาเงิน  ฮืออ..     No money , No more to exploer!    







หลังจากนอนเล่นอยู่ตั้งนาน   กลั่นกรองความคิดมาเป็นตัน ๆ  ได้เรื่องหนึ่งมาว่า 

"อยู่คนเดียวมันแสนสุข   แต่ไม่สนุก แต่แสนสบาย   อยู่สองคน หรือหลายคน  มันมีความทุกข์ แต่มันสนุก แต่ไม่สบาย"



บางที เราน่าจะอยู่กับปัจจุบันก็ดีเหมือนกันนะ   " We should learn to live in the present moment."  

นึกถึงหนังเรื่อง  Peaceful Warrior   (หนังเรื่องนี้ ไม่มีจัดจำหน่ายในเมืองไทย  แต่ใครสนใจ ก็หลังไมค์มาได้นะ  ยินดีแบ่งปันให้ดูกัน เพื่อความบันเทิงส่วนตัวในบ้านนะ)  



พอนั่งนอนจนสบายใจหมดแล้ว ก็ออกจากผาเดียวดาย เพื่อขี่กลับลงไปข้างล่าง   




รูปทั้งหมดใน comment นี้   ถ่ายมาจากมือถือทั้งหมดนะ   เพราะว่า  เลนส์ fix 50 mm F1.8  ถ่ายออกมาแล้ว ขาวโพลนมาก   ซึ่งเป็นช่วงบ่ายโมงของวัน  แสงจึงออกมาขาวมาก


ระหว่างทางมีเรื่องให้ตื่นเต้นเล่น ๆ  เบา ๆ  ลิงน่ะ ลิงในเขาใหญ่   มีรถนักท่องเที่ยว จอดชะลอ เพื่อดู ลิงเขาใหญ่  แต่ลิงบางตัวกลับไม่ยอมหลบลงไปข้างทาง  แต่มันกลับเลือก นั่งขวางทางซะงั้น  น่าตีจริง ๆ  


บางทีลิงมันก็นั่งอยู่เฉย ๆ ตรงเส้นแบ่งเลน  แต่อยู่ ๆ มันเดินมาเฉื่อย  ๆ ตรงหน้าปิ่นซะงั้น ต้องเบรคจนหัวทิ่ม  (ไม่ได้ขี่เร็วนะ  ขี่ไม่เกิน 65 km/hr.)  ไม่สนับสนุนขี่เร็วในอช.เขาใหญ่นะ  ไม่ดี  อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้  เพราะถนนลื่น และ แคบ  มันเป็นเส้นทางชมธรรมชาตินะ  ช่วย ๆ กันหน่อยนะ      พอเข้าใจพฤติกรรมลิงเหล่านี้นะ  เพราะมีคนป้อนให้อาหารมัน  มันจึงมานั่งรอริมถนน จนโดนรถชนตายเป็นได้   



มาจอดถ่ายรูปอีกชุดสุดท้ายก่อนออกจาก อช.เขาใหญ่  เพิ่งบ่ายสามแก่ ๆ    ร้อนมากเลยล่ะ   แดดยังแรง  จึงถ่ายออกมาไม่สวยหน่อยนะ   

อุณหภูมิต่ำสุดที่ อช.เขาใหญ่ 7 องศาเอง    น่ามานอนกางเต็นท์เนอะ   










หน้าปัดฟ้องว่า  น้ำมันจะหมดแล้ว  จึงแวะเติม ปั้มบางจาก โดยไม่ได้ดูให้ดีก่อน ว่า ที่นี่แพงกว่า ในกทม. ตั้ง 20 สต.  ดันบอกเด็กปั้มไปว่า ขอเต็มถัง โธ่.. หมดกัน  เสียดายเงินนะเออ    

โถ่.... เติมน้ำมัน E20 เต็มถัง เพราะจะหมดถังแล้ว ที่สระบุรี  เอะใจ "อ้ะ ทำไม e20 มันลิตรละ 35.98บาทหว่า?" ไม่ได้คิดอะไรนะ สั่งให้เติมเต็มถังไปตามปกติ 

พอมาแวะพักที่ ปั้ม หน้า ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต   ดูราคา "อ้าว เฮ้ย !" 35.59 บาท" (TT___TT) อะไรกันฟระ??

เศร้า...ใจ   รู้งี้ เติม 100 บาทพอ ค่อยมาเติมในตัวเมืองกรุงเทพหรือปริมณฑล ดีกว่าเนอะ  


มีพี่คนหนึ่ง แซวมา เขาบอกว่า  "แพง !  ติดถังแก๊สดีกว่ามั้ง??"  

ไอ้เราก็ตอบกลับไปว่า " รถนินจาจะแบกถังแก๊สได้ยังไงล่ะพี่ ?  555555555+  "


ทริปนี้ รูปน้อยหน่อยนะ  เดือนหน้า ถ้าไม่ติดอะไร มีเงิน   ก็จะพาไปเที่ยวที่ไกลกว่านี้  และสนุกกว่านี้แน่นอน    

ขอส่งท้ายด้วย "There's never nothing going on, There are no ordinary moments."   "ไม่เคยมีอะไรไม่ก้าวต่อไป  ไม่มีช่วงเวลาที่หยุดนิ่ง"     


No comments:

Post a Comment